Thursday, June 3, 2010

ประวัติไก่ดู่หางดำ



ประวัติความเป็นมาไก่ประดู่หางดำ
ไก่ประดู่หางดำ เป็นไก่พื้นเมืองของไทยมาแต่โบราณ พัฒนามาจากไก่บ้านพันธุ์ กะตังอู หรือ ไก่อู มีมาพร้อมไก่เหลืองหางขาวและคนไทยโบราณ พบคนนำไก่มาชนกันในสมัยสุโขทัย จากชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา แพร่หลายมาในหมู่ขุนนาง เจ้าขุนมูลนาย และต่อมาได้พัฒนามาเป็นกีฬาพระราชา เช่น สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระเอกาทศรถ พระเจ้าเสือ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นต้น

ไก่ ประดู่หางดำ ที่นิยมเป็นพันธุ์ดั้งเดิม ต้องเป็นไก่สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ฉะเชิงเทรา มีนบุรี หนองจอก ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไก่ประดู่หางดำชั้นดี

ไก่ ประดู่หางดำโด่งดังครั้งสมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว) ได้ทรงนำไก่ประดู่หางดำ จากสุพรรณบุรีมาชนกับไก่ของข้าราชบริพาร ทรงชนะตลอด ทำให้ไก่ประดู่หางดำโด่งดังไม่น้อยไปกว่าเหลืองหางขาว บางตำราบอกว่า ไก่ประดู่หางดำ เป็นต้นตระกูลสายพันธุ์ไก่อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ในประเทศไทย

ไก่ ประดู่หางดำ เป็นไก่มีลักษณะงดงามมาก ชั้นเชิงการชนเป็นไก่เชิงบน 4 กระบวนท่า ขี่ กอด ทับ เท้าบ่า หรือบางทีมีมัดปีกด้วย

แห ล่งกำเนิด ไก่พันธุ์ประดู่หางดำ มีถิ่นกำเนิดแถบภาคกลางของไทย เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา กรุงเทพฯ (มีนบุรี หนองจอก) สิงห์บุรี และอ่างทอง เป็นแหล่งกำเนินไก่ประดู่หางดำชั้นดี นอกจากนี้ยังมีแถบจังหวัดใกล้เคียง ปัจจุบันนิยมเลี้ยงแพร่หลายไปทั่วประเทศไทย และต่างประเทศในแถบอาเซียน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน เป็นต้น
ประเภท ไก่ประดู่หางดำ เป็นไก่ขนาดกลาง น้ำหนักตัวเพศผู้ประมาณ 3 กิโลกรัม ขึ้นไป เพศเมียหนัก 2 กิโลกรัม ขึ้นไป
สีของเปลือกไข่ เปลือกไข่สีน้ำตาลอ่อน
ลักษณะ ลูกไก่ หัว หน้าอก ปีกไชนอกสีขาวนวล ปาก ขา สีน้ำตาลแก่

ลักษณะเด่นประจำพันธุ์เพศผู้

  • รูป ร่างลักษณะ ไก่ประดู่หางดำ เป็นไก่มีลักษณะงดงามทรงรูปปลีกล้วย ไหล่กว้าง ลำตัวยาวล่ำสัน หางยาวเป็นฟ่อนจรดพื้น ปั้นขาใหญ่ แข้งเป็นแข้งคัดออกเหลี่ยม ดูสง่างาม ทะมัดทะแมง น่าเกรงขามยิ่งนัก ตะเกียบ หนา แข็งแรง และชิด ปลายโค้งเข้าหากันเล็กน้อย
  • ใบ หน้า กลมกลึงแบบหน้านกยูง และมีสีแดง
  • หาง หางพัดสีดำสนิทยาว และเรียงกันเป็นระเบียบจากล่างไปบน สองข้างเท่าๆ กัน มีหางรับข้างละ 2-3 เส้น กระเบนหางใหญ่ ขั้วหางชิด กระปุกน้ำมันใหญ่ เป็นกระปุกเดี่ยว
  • ปาก ปากใหญ่ ปลายงองุ้มเหมือนปากนกแก้ว ปากบนรับกับปากล่าง หุบสนิทพอดี มีร่องปากทั้ง 2 ข้าง ปากสีน้ำตาลแก่ สีปากจะรับกับสีแข้ง และเดือย
  • แข้ง ขา ปั้นขาใหญ่ล่ำสัน แข้งเรียวแบบลำหวาย หรือแข้งคัด
  • จมูก รูจมูกกว้าง สันจมูกราบเรียบ สีเดียวกับปาก
  • เกล็ด เกล็ดแข้ง เกล็ดนิ้วสีน้ำตาลรับกับสีปาก เกล็ดแข้งเป็นเกล็ดพัดเรียงเป็นระเบียบ
  • ตา ขอบตาเป็นรูปวงรี ดวงตาสีไพลแก่ มองเห็นเส้นเลือดแดงในตาชัดเจน ลูกตามีประกายแจ่มใส คิ้วนูนเป็นเส้นขนานโค้งไปตามเบ้าตา
  • นิ้ว นิ้วยาวกลม ปลายนิ้วเรียวมีท้องปลิงปุ่มตรงข้อนิ้ว เกล็ดนิ้วมีแตก แซมเหน็บเล็บสีน้ำตาลรับกับสีปาก ไม่บิดไม่งอ ปลายเล็กแหลมคมแบบเล็บเหยี่ยว
  • เหนียง เหนียงรัดกลมกลึงติดกับคาง ไม่หย่อนยาน สีแดงสดใสเหมือนสีของหงอน
  • เดือย เป็นเดือยแบบขนเม่น เดือยตรงโคนใหญ่ปลายแหลมคมแบบเดือยลูกปืน สีเดียวกับปากและแข้ง
  • กะโหลก กะโหลกหัวอวบยาว 2 ตอน ส่วนหน้าเล็กกว่าส่วนท้าย มีรอยไขหัวชัดเจนตามธรรมชาติ
  • ขน ขนพื้นตัวสีดำ ขนสั้นแน่น บริเวณหน้าคอถึงหน้าอกจะมองเห็นหนังสีแดง ขนใต้ปีก ใต้อกแน่น ช่วงท้องเป็นปุย ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และขนระย้าเป็นขนละเอียด ก้านขนแข็งเล็กเป็นแผงสีประดู่ สยายประบ่าประก้น
  • คอ คอใหญ่ ยาวโค้งลอนเดียวแบบคองูเห่า กระดูกปล้องคอใหญ่ชิดแน่น ร่องคอชิดกับไหล่ ขนคอขึ้นเป็นระเบียบ สร้อยคอยาวประบ่าต่อกับสร้อยหลัง
  • กิริยา ท่าทาง ไก่ประดู่หางดำเป็นไก่สกุลเดียวกับเหลืองหางขาว เวลายีน เดิน วิ่ง ชน กระพือปีกและขัน จะแสดงอาการหยิ่งผยอง ยืนตรง อกตั้ง ทะมัดทะแมง เดินย่างเท้าแบบสามขุม เหยียบเท้ามั่นคง เวลายืนจะกางปีก และกระพือปีกตลอดเวลา เวลาพบไก่อื่นจะแสดงอาการพร้อมที่จะต่อสู้ทันที โดยไม่สะทกสะท้าน จะเป็นไก่เชิงบน 4 กระบวนท่า คือ กอด ขี่ ทับ เท้าบ่า และหน้าคอ

    ลักษณะ เด่นประจำพันธุ์เพศเมีย
    ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีกสีดำ ยาวถึงก้นเป็นปีกตอนเดียว ขนคอจะมีสีประดู่แซมปลายเล็กน้อย ขนสั้นละเอียด หางยาวดำสนิท ปากมั่นคง มีร่องน้ำ ปาก แข้ง เล็บ ปุ่ม เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล ถ้าประดู่แสมดำ ปาก แข้ง เล็บ ปุ่มเดือย สีเขียวหยก ตาลายดำ ลักษณะอื่นๆ เหมือนตัวผู้

    ไก่ประดู่หางดำ แบ่งตามสายพันธุ์มี 3 สายพันธุ์ คือ

  • 1. ประดู่เมล็ดมะขาม หรือประดู่มะขามคั่ว ขนพื้นตัว ขนปีก ขนหางพัด หางกระรวย สีดำสนิท ไม่มีสีขาว หรือสีอื่นๆ แซม ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยระย้า และขนปิดหูสีประดู่สีเดียวกันทั้งตัวไม่มีสีขนอื่นๆ แซม เช่นกัน ตาสีไพลหรือแดง ปาก เกล็ด แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาลแก่ หน้าสีแดง ถือว่าเป็นเอกเหนือประดู่อย่างอื่นๆ ทั้งสิ้น เป็นประดู่พันธุ์แท้แต่โบราณ พันธุ์ยอดนิยมมี 2 เฉดสี คือ
  • สรุป
    ไก่ประดู่หางดำ แต่เดิมเป็นไก่ที่ลักษณะงดงามมาก ชั้นเชิงการชนเป็นไก่เชิงบน 4 กระบวนท่า ตัวผู้รูปร่างสูงตระหง่าน สง่างาม ลำตัวตั้งทอดยาวสองท่อ ใบหน้ากลมกลึง ตาสีไพล ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาลแก่ หรือมะขามไหม้ หรือมะขามคั่ว หางพัดสีดำสนิท ยาวเรียงเป็นระเบียบ หางกระรวยสีดำสนิทรูปใบข้าว ขึ้นดำยาวเป็นฟ่อนรูปพลูจีบ ปลายโค้งลงเล็กน้อย ลักษณะอย่างนี้ถือว่าเป็นไก่พันธุ์แท้แต่โบราณ ต่อมาไม่ได้รักษาพันธุ์ หรืออนุรักษ์ไว้ เลยกลายพันธ์ไป เท่าที่พบเห็นปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังกล่าวข้างต้น



    ประวัติความเป็นมา ประดู่เลาหางขาว
    ยังไม่ ทราบแน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร พัฒนามาจากไก่สายพันธุ์ใด ในประวัติศาสตร์หรือการบันทึกยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญท่านใดใน ประวัติศาสตร์

    แห ล่งกำเนิด ไก่ประดู่เลาหางขาวมีแหล่งกำเนินแถบจังหวัดกรุงเทพฯ (มีนบุรี หนองจอก) พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี สุพรรณบุรี กำแพงเพชร สุโขทัย ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช
    ประเภท เป็นไก่ขนาดกลาง น้ำหนักตัวเพศผู้ประมาณ 3.00-3.40 กิโลกรัม เพศเมีย 2.00 กิโลกรัมขึ้นไป
    สีของเปลือกไข่ เปลือกไข่สีน้ำตาลอ่อน
    ลักษณะลูกไก่ ขนหัว และขนคอสีขาว ขนหลังสีดำ ปีกในสีดำ ปีกนอกสีขาว หน้าคอและหน้าท้องสีขาว

    ลักษณะ เด่นประจำพันธุ์เพศผู้

  • เป็น ไก่รูปร่างแบบทรงหงส์ ลำตัวยาว ไหล่ยก หางดกยาวเป็นฟ่อนข้าว เดินยืนท่าทางสง่างาม แข้งกลมแบบลำหวาย หน้ากลมยาวแบบหน้านก

  • กะโหลก หัวยาวกลมเป็น 2 ตอน ท่อนหน้าเล็กกว่าท่อนหลัง

  • กลม กลึง หน้าแบบหน้านกเหยี่ยว

  • คอ ยาวใหญ่โค้งแบบคอม้า กระดูกปล้องคอชิดกันขนสร้อยคอสีประดู่เลาขึ้นดกเป็นระเบียบ

  • ปาก ใหญ่ ปลายปากงุ้มสีน้ำตาลอมเหลืองเล็กน้อย ปากมีร่องน้ำลึกทั้ง 2 ข้าง สีน้ำตาลอ่อน

  • ปีก ใหญ่และยาว จรดก้น ขนปีกท่อนในขาวปนดำ

  • จมูก แบนราบสีเดียวกับปาก รูจมูกกว้าง สันจมูกเรียบสีเดียวกับปาก

  • ตะเกียบ แข็ง ตรง หนา และชิดกัน

  • ขอบ ตาเป็นรูปวงรีแบบตาวัว ขอบตาสองชั้นนัยน์ตาดำตารอบนอกสีเหลืองแก่เหมือนสีไพลเส้นเลือดสีแดงชัดเจน

  • หาง ยาวดก เรียงเป็นระเบียบสีขาวอมดำ หางพัดดำปลายขาว หางกระรวยคู่กลางสีขาวปลอดคู่อื่นๆ สีขาวปลายดำ หางดกเป็นฟ่อนข้าว ก้านหางสีเดียวกับขน

  • หน้า หงอนบาง กลางหงอนสูง ท้ายหงอนกะรัดกระหม่อม หงอนสีแดงสด พื้นหงอนเรียบ

  • ปั้น ขาใหญ่ห่างจากกัน ข้อขามั่นคง ขนปั้นขาสีดำเป็นแข้งรูปลำเทียน หรือ ลำหวาย เกล็ดแข้งเป็นระเบียบ นิ้วเรียวยาว แข้งสีเดียวกับปาก

  • ตุ้มหู ไม่ยาน สีแดงเหมือนหงอน ขนปิดรูหูสีประดู่เลาเหมือนขนสร้อย

  • เกล็ด นิ้ว เกล็ดแข้งเรียงเป็นระเบียบ สีเดียวกับปาก

  • เหนียง เล็ก สีแดงเหมือนหงอน รัดติดกับคาง

  • นิ้ว เรียวยาว ข้อนิ้วมีท้องปลิงหนา

  • ขน พื้นตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดมีสีขาวปนดำ ขนกระรวยคู่กลางสีขาว คู่อื่นๆ สีขาวปลายดำ ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง สีประดู่เลา คือโคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีประดู่

  • เดือย เป็นเดือยแบบงาช้าง แข็งแรงมั่นคง

  • เป็น กระปุกใหญ่อันเดียว

    ลักษณะ เด่นประจำพันธุ์เพศเมีย
    ลักษณะเด่นประจำพันธุ์ที่ สำคัญ คือ ขนพื้นตัวสีดำ ขนปีกสีดำ ยาวถึงกันเป็นปีกตอนเดียว ขนคอจะสั้น ละเอียด หางยาวดำสนิท ปาก แข้ง เล็บ มีสีน้ำตาลอมเหลือง

    ไก่ประดู่เลาหางขาวมีอยู่ 4 เฉดสี คือ
    1. ประดู่เลาใหญ่ หรือเรียก อีกชื่อว่า เลาใหญ่ พระเจ้า 5 พระองค์ ขนพื้นลำตัวสีดำ ขนปีก ขนหางเป็นสีดำแซมขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลังและขนระย้าโคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีเมล็ดมะขามแก่ ขนกระรวยคู่กลางสีขาวปลอด คู่อื่นๆ สีขาวปลายดำ ที่หัว ปีก ข้อขาสีกระขาว ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล

    www.kaisiam.com

    2. ประดู่เลาเล็ก ขนพื้นลำตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำแซมขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และขนระย้าโคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีเมล็ดมะขามแก่ ไม่มีหย่อมกระ ขนกระรวยคู่กลางสีขาวปลอด คู่อื่นๆ สีขาวปลายดำ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล

    3. ประดู่เลาแดง ขนพื้นลำ ตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำแซมขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง และขนระย้าโคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีประดู่แดง ขนกระรวยคู่กลางสีขาว คู่อื่นๆ สีขาวปลายดำ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพลหรือสีส้ม

    4. ประดู่เลาดำ ขนพื้นลำ ตัวสีดำ ขนปีก ขนหางพัดสีดำแซมขาว ขนสร้อยคอ สร้อยปีก สร้อยหลัง โคนสร้อยสีขาว ปลายสร้อยสีคล้ำเข้มแบบเขียวประดู่ ขนกระรวยคู่กลางสีขาวปลอด คู่อื่นๆ ขาวปลายดำ ปาก แข้ง เล็บ เดือย สีน้ำตาล ตาสีไพล

  • No comments:

    Post a Comment